วันอังคารที่ 3 ตุลาคม พ.ศ. 2560

Frasa Sendi Nama

Frasa sendi nama (สรรพนามวลี)
      คือ สรรพนามวลี ประกอบด้วยหนึ่งคำสรรพนามและหนึ่งนามวลีที่เป็นส่วนเติมเต็มให้กับคำสรรพนามนั้น 

หน้าที่ของสรรพนามวลี (Fungsi frasa sendi nama )
 1. Seabagai  predikat dalam pola ayat FN + FSN  (ภาคประธาน+ภาคแสดง)
    ตัวอย่างเช่น
    a. ผู้ชายอิสลามไปมัสยิดทุกๆวันศุกร์  Orang lelaki Islam (ke masjid) (setiap hari Jumaat)
                                                                   Subjek                    FSN               Predikat
   b. ข่าวนั้นเกี่ยวกับอาชยากรรม(  Cerita itu )(tentang penbunuhan ) 
                                                        Subjek              FSN

  2. Sebagai unsur keterangan kepada frasa kerja , frasa nama dan frasa adjektif. เป็นส่วนขยายให้กับกริยาวลี นามวลี และ คุณศัพท์วลี.
         a. ส่วนขยายกริยาวลี 
         ตัวอย่าง เช่น 
             a. เด็กๆเล่นที่สนามฟุตบอล  (Kanak-kanak bermain di padang bola ). (Tempat)
             b. ฉันมาเวลา หกโมงเย็น (Kami tiba pada pukul enam petang). (Waktu)
             c. มาลาตีกินข้าวกับช้อน  (Malatee makan dengan sudu ).(Alat)
    
           b. ส่วนขยายนามวลวี 
           ตัวอย่าง เช่น 
             a. คุณเฟาซีซื้อเครื่องแต่งกายที่ห้างเซนทรัลเฟสติเวล ( Encik Fauzee membeli pakaian di pasar raya Central Fstivel). (Tempat)
             b. พวกเขาทำกล่องเพื่อใส่สิ่งของ (Mereka membuat kotok untuk mengisi barang). (Tujuan)

            c. ส่วนขยายคุณศัพท์วลี
             ตัวอย่าง เช่น
               a. ซัลมารักแมวของเขามาก ( Salma sayang akan kucingnya).(Terhadap)

       โครงสร้างของสรรพนามวลี (Binaan sendi nama )
         a. SN + FN.   (ke badar di rumah dari sekolah)
         b. SN + KN Arah + FN. (ke dalam bilik di dalam rumah dari tengah jalan)
         c. SN + (KN+ Arah ) +FN +Ayat komplemen. (ke dalam bilik untuk mengambil buku ke bandar untuk membeli baju)
         d. SN + SN Arah )+FN+Frasa keterangan. (ke tepi sungai setiap petang ke sawah setiapa hari)




อ้างอิง : เอกสารประกอบการสอน วิชาไวยกรณ์มลายู 2
           : https://ms.m.wikipedia.org/wiki/Kata_sendi_(bahasa_Melayu)
















Frasa Adjektif 

Frasa Adjektif (คุณศัพท์วลี)
      คือ เป็นการเรียงคำที่ประกอบด้วยหนึ่งคำหรือมากกว่าหนึ่งคำที่มีคำคุณศัพท์เป็นส่วนประกอบหลัก

     หน้าที่ของคุณศัพท์วลี (Fungsi frasa sifat)

    1. วลีทำหน้าที่เป็นภาคแสดง (Sebagai predikat dalam ayat yang mempunyai pola FN+FA)
       ตัวอย่าง เช่น :
              -  คฤหาสบนภูเขานั้นสวยจริงๆ ( Rumah banglo di atas bukit itu sungguh cantik)
                                                                                                                                     ad
              - สีรถยนต์ใหม่ของฉันสีขาว ( Warna kereta baharu saya putih)
                                                                                                         ad
      ประโยคกลับหัว ( Ia boleh disongsangkan)
        ตัวอย่าง เช่น :
             -  สวยมากบ้านที่อยู่บนภูเขานั้น (  Sungguh cantik rumah banglo di atas bukit itu)

             - สีขาว รถยนต์ใหม่ของฉัน  (Putih warna kereta baharu saya )

     2.คุณศัพท์วลีสามารถปรากฏหลังกริยาวลีซึ่งเป็นคำอธิบาย ( Menjadi unsur keterangan dalam konstitiues predikat. Ia hadir selepas kata kerja .)
         ตัวอย่าง เช่น :

                      

    3. คำคุณศัพท์วลีสามารถปรากฏในคำนามวีซึ่งเป็นส่วนขยายกับคำนาม( Menjadi unsur penerang dalam konstitiues predikat. Ia hadir selepas kata nama )
     ตัวอย่าง เช่น: 
             - อัสรีเป็นเด็กฉลาด   (Asree budak cerdikcerdik ขยายคำว่า  budak 

     โครงสร้างของคุณศํพท์วลี ( Binaan frasa adjektif)
           คุณศัพท์วลีประกอบด้วยคำหนึ่งคำหรือมากกว่าหนึ่งคำ
   สามารถแบ่งออกเป็น 2 ชนิด 
- Binaan satu perkataan 
    ตัวอย่างเช่น :
        - อับดุลฮากีมกลับช้า  ( Abdul HAkim pulang lewatt) lewat เป็นคำบอกเวลา (waktu)
                                                                            
 -Binaan dua perkataan
   a. Binaan  Kata adjektif +Kat adjektif   (อาจจะมีความหมายเหมือนกัน)
       ตัวอย่างเช่น : 
           -  กาญดาดูเหมือนร่างเริงดีใจ  ( Kanda kelihatan riang gembira) (sama erti)
           - สูง เตี้ย  (berlawan erti) 
    b. Binaan Kata adjektif +Kata nama  (เปรียบเทียบ)
       ตัวอย่างเช่น : 
           - ผิวอัสมะสีเหลืองลางสาด  (kulit Asmah kunbing langsat) (Keserupaan )


    คุณศัพท์วลีกับคำเสริม(Frasa Adjektif dengaื kata penguat) 
             คุณศัพท์วลีสามารถใช้องค์ประกอบคำเสริมที่มีคำเสริมหน้า, หลัง และ อิสระ .
 
    ตัวอย่างเช่น :
     a. ภาพวาดของอะหมัดสวยเกิน ( Lukisan Encik Ahmad) ( terlalu cantik)  . (Penguat hadapan)
                                                                   Subjek                        Predikat

     b. คฤหาสบนภูเขานั้่นสวยมาก (Ruamah banglo) di atas bukit itu cantik sekali. (Penguat belankang)
                                                              Subjek
     c. การแสดงของนักร้องนั้นดูดีมาก (Persembahan penyanyi itu)( sangat hebat ). (Penguat bebas )
Subjek Predikat


อ้างอิง :  เอกสารประกอบการสอน วิชาไวยกรณ์มลายู 2
           : https://www.slideshare.net/UPSRPMRSPMSTPM/kata-adjektif-13434577


   
       























วันพฤหัสบดีที่ 28 กันยายน พ.ศ. 2560

FRASA NAMA (นามวลี)


    นามวลี (FN) เป็นรูปแบบที่สร้างขึ้นตามหลักไวยากรณ์ซึ่งประกอบด้วยคำหรือคำไม่กี่คำที่สามารถทำหน้าที่เป็นองค์ประกอบ (องค์ประกอบ) ในการสร้างประโยค โครงสร้างประโยคพื้นฐานในภาษามลายูประกอบด้วยสององค์ประกอบหลัก ได้แก่ เรื่องและคำกริยา 

   หน้าที่ของนามวลี (Fungsi frasa nama ) 

 a.  ประธานจะอยู่ในรูปแบบย่อประโยคทั้งหมด
 b. ในรูปแบบย่อหน้าทั้งหมดชื่อวลีทำงานเป็นเรื่อง วลีชื่อใช้งานได้เฉพาะในรูปแบบ FN + FN เท่านั้น 
ตัวอย่างเช่น 
              ภาคประธาน                        ภาคแสดง
             Subjek (FN)      +           Predikat (FN)

        เขาเป็น (Dia seorang)           ชาวประมง(Nelayan)


  c. ส่วนประกอบของวัตถุและวลีกริยาคำนามองค์ประกอบ, วลียังสามารถตั้งชื่อหลังจากสกรรมกริยาในคำกริยาวลี (FK)
ตัวอย่าง เช่น
                                       

  d.นามวลีเป็นส่วนหนึ่งขององค์ประกอบชื่อในวลีที่มีชื่อ วลีในช่องว่างสามารถมีอยู่เป็นองค์ประกอบในเนมสเป็กคำจำกัดความ (FS)  

              


     โครงสร้างของนามวลี (Binaan frasa nama )
        การสร้างวลีวลีสามารถสร้างขึ้นได้จากคำหรือคำเพียงคำเดียว เป็นเรื่องของการรวมกันของความหมายและแสดงถึงทั้งวลีในแง่ของความหมายในขณะที่แสงเป็นองค์ประกอบที่อธิบายถึงความหมาย
ตัวอย่าง เช่น

องค์ประกอบสำคัญ + Penerang
สามารแบ่งออกเป็น 2 ชนิด 
1. inti+penerang nama ; dan
2. inti+penerang bukan nama 


1. inti+penerang nama 
   การสร้างนามวลีประเภทนี้องค์ประกอบทั้งหมดประกอบด้วยคำนามโดยประกอบด้วยคำนามและ nameserver ของคำเหล่านี้ นามเหล่านี้เป็นจริงให้รายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับบางแง่มุมสำคัญของคำนาม

ตัวอย่าง เช่น
  
                   ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ jenis penerang nama

2.  inti+penerang bukan nama 
      วลียังสามารถสร้างขึ้นจากแกนหลักที่ยอมรับการเริ่มต้นแทนประเภทของคำนาม 

ตัวอย่างเช่น
   
Jenis penerang   
a. penentu
i. penetu hadapan  
contoh (FN) :  Penerang inti bila perjodoh bilangan tiga orang guru.

ii. penentu belankang 
contoh (FN) : Inti (KN) penerang brg itu.

b. Kata kerja (คำกริยา)
contoh (FN) : Bola tampat (วอลเลย์บอล)

c. Kata adjektif (คำคุณศัพท์)
contoh (FN) : Pandangan haram


Unsur Inti+Inti
      วลีหลัก + นามหลักไม่มีองค์ประกอบของการส่องสว่างเพราะความหมายของชื่อวลีทั้งหมดได้รับการสนับสนุนโดยคำนามหลักทั้งสอง ดังนั้นชนิดของการสร้างนี้ไม่มีความหมายใด ๆ 
สามรถแบ่งออกเป็น 2 ชนิด
a. Inti+Inti sama erti (คำที่ความหมายเหมือนกัน)
b. Inti+Inti berlawan makna (คำที่มีความหมายขัดแย้งกัน)


a. Inti+Inti sama erti (คำที่ความหมายเหมือนกัน)
ตัวอย่างเช่น

                         
                                

b. Inti+Inti berlawan makna (คำที่มีความหมายขัดแย้งกัน)
ตัวอย่างเช่น
                               


อ้างอิง : http://sintaksisbahasamelayu.blogspot.com/2014/02/nota-tajuk-3-binaan-frasa-nama.html

            : เอกสารประกอบการสอน วิชาไวยกรณ์มลายู 2

















วันจันทร์ที่ 25 กันยายน พ.ศ. 2560

FRASA KERJA
กริยาวลี (Frasa kerja)
       วลีที่อธิบายการกระทำอย่างน้อยต้องมี1 คำที่เป็นคำกริยาที่ไม่ต้องการกรรม. กริยาวลีทำหน้าที่เป็นภาคประธานและภาคแสดง.

▪️ โครงสร้างของกริยาวลี(Binaan frasa kerja)
        ประกอบด้วย 2 โครงสร้าง
    a. กริยาที่ไม่มีกรรม (frasa kerja yang tidak mempuyai objek;dan)
    b. กริยาวลีที่มีกรรม (frasa kerja yang mempuyai objek)

▪️(a). กริยาวลีที่ไม่มีกรรม (frasa kerja yang tidak mempuyai objek)
           กริยาวลีที่มีคำกริยาที่ไม่ต้องการกรรมและไม่ต้องมีกรรมมารองรับ.
    สามารถแบ่งออกเป็น 3ชนิด
   1. อกรรมกริยาที่ไม่ต้องการส่วนเติมเต็ม (Kata  kerja tak transitif tanpa Pelengkap)
       ตัวอย่างเช่น
     a. อิสมาแอกำลังนอน (Ismail sedang berbaring)
   
   2.อกรรมกริยากับส่วนเติมเต็ม (Kara kerja tak transitif dengan Pelengkap)
     ตัวอย่างเช่น
     a. แม่ของเขาเป็นครู (Ibunya menjadi guru)

   3. อกรรมกริยาไม่ต้องการกรรมโดยมีคำนามเป็นส่วนขยาย( Kata kerja tak transitif dengan kata nama sebagai penerang)
     ตัวอย่างเช่น
     a. พ่อฮาซันทำสวนชา  (Pak Hassan berkebun teh)

 ▪️ (b). กริยาวลีที่มีกรรม (Frasa kerja yang mempuyai objek)
       อกรรมกริยาเป็นวลีสำคัญและนามวลีเป็นประธานหรือรองรับการกระทำ
       ตัวอย่างเช่น
      a. อามีเนาะกินโรตีจานัย (Aminah makan roti canai) (aktif).
                                                  ⬇️                    ⬇️
                                           ภาคประธาน        ภาคแสดง
      b. โรตีจานัยถูกกินโดยอามีเนาะ (Roti canai dimakan oleh Aminah) (pasif).
       
     *Objek ต้องเป็นบุรุษที่3 เท่านั้น.



อ้างอิง : เอกสารประกอบการสอน วิชาไวยกรณ์2

วันพฤหัสบดีที่ 21 กันยายน พ.ศ. 2560

KATA ADJEKTIF

KATA ADJEKTIF (คำคุณศัพท์)

BAHASA MELAYU
ภาษามลายู (มลายูBahasa Melayu) เป็นภาษาหลักภาษาหนึ่งในตระกูลภาษาออสโตรนีเซียน มีสถานะเป็นภาษาราชการในบรูไนมาเลเซียสิงคโปร์ และอินโดนีเซีย มีผู้พูดประมาณ 200–250 ล้านคน (ณ ปี พ.ศ. 2552) โดยเป็นภาษาแม่ของผู้คนตลอดสองฟากช่องแคบมะละกา ซึ่งได้แก่ ชายฝั่งคาบสมุทรมลายูของมาเลเซียและชายฝั่งตะวันออกของเกาะสุมาตราของอินโดนีเซีย และได้รับการยอมรับเป็นภาษาแม่ในชายฝั่งตะวันตกของซาราวะก์และกาลีมันตันตะวันตกในเกาะบอร์เนียว นอกจากนี้ยังใช้เป็นภาษาการค้าในภาคใต้ของฟิลิปปินส์ ซึ่งได้แก่ ตอนใต้ของคาบสมุทรซัมบวงกากลุ่มเกาะซูลู และเมืองบาตาราซาและบาลาบัก (ซึ่งมีชาวมุสลิมอาศัยอยู่เป็นส่วนใหญ่) ทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ของเกาะปาลาวัน

คำคุณศัพท์. (Kata adjektif)
       คำคุณศัพท์ หมายถึง คำที่อธิบายลักษณะหรือสถานการณ์ คำคุณศัพท์เป็นคำหลัก วิเศษวลี ที่อธิบายหรือขยายคุณลักษณะของคำนาม

รูปแบบคำคุณศัพท์ในภาษามลายูสามารถจำแนกได้ออกเป็น 9 รูปแบบ
 
     i.         คำคุณศัพท์รูปร่าง,ลักษณะ (Kata adjektif bentuk )
     ii.        คำคุณศัพท์วิธี (Kata adjektif cara)
     iii.       คำคุณศัพท์ระยะ (Kata adjektif jarak)
     iv.       คำคัณศัพท์ประสาทสัมผัส (Kata adjektif pancaindera)
     v.        คำคุณศัพท์ความรู้สึก (Kata adjektif perasaan )
     vi.       คำคุณศัพท์ขยายคำนามหรืออธิบายคุณลักษณะ (Kata adjektif sifatan atau keadaan)
     vii.      คำคุณศัพท์การวัด (Kata adjektif ukuran )
     viii.     คำคุณศัพท์สี (Kata adjektif warna )
     ix.       คำคุณศัพท์เวลา (Kata adjektif waktu)


    คำคุณศัพท์รูปร่าง,ลักษณะ (Kata adjektif bentuk )
         คำคุณศัพท์ที่ให้ความหมายในรูปแบบรูปร่าง,ลักษณะ
  ตัวอย่างคำ เช่น
         เรียว (bujur) , บวม (bengkok), แบน (leper)

     คำคุณศัพท์วิธี (Kata adjektif cara)
         คำคุณศัพท์เป็นคำที่ขยายให้กับคำนามและมีความหมายที่อธิบายเกี่ยวกับการกระทำนั้นๆ
   ตัวอย่างคำ เช่น
          เร็ว(laju), ช้า (lambat), เสมอ (selalu)

     คำคุณศัพท์ระยะ (Kata adjektif jarak)
          คำคุณศัพท์เป็นคำขยายคำนามและสื่อถึงระยะทางหรือเกี่ยวข้องกับช่องว่างระหว่างสองสิ่งหรือคุณลักษณะ
   ตัวอย่างคำ เช่น
          ใกล้ (dekat), ใกล (hauh)

     คำคุณศัพท์ประสาทสัมผัส (Kata adjektif Pancaindera)
            คำคุณศัพท์ที่ขยายคำนามและอธิบายเกี่ยวกับแนวคิด การมองเห็น ,การได้ยิน, ความรู้สึก, กลิ่น,การสัมผัส และรวมประสาททั้งหมด
    ตัวอย่างคำ เช่น
i.     การมองเห็น (Indera pandang)      : สวย (cantik) , ไม่สวย(hodoh), ห้าว(kacak)
ii.    การได้ยิน     (Indera dengar)        : ไพเราะ (merdu), ดังสนั่น(nyaring)
iii.   ความรู้สึก    ( Indera rasa )           : หวาน(manis), เปรี้ยว(masam), เค็ม(masin), ขม(pahit), จืด (tawar)
iv.   กลิ่น             ( Indera bau)             : เหม็น (busuk), หอม (harum)
v.    การสัมผัส    (Indera sentuh )         : หยาบ (kasar), แข็ง(keras)
vi.  รวมประสาททั้งหมด (Gabungan indera) : สงบ(aman), สบาย(selesa), สว่าง(tenteram)

      คำคุณศัพท์ความรู้สึก (Kata adjektif Perasaan )
             คำคุณศัพท์ที่ขยายคำนามและอธิบายความรู้สึก
       ตัวอย่างคำ เช่น
           เกลียด(benci), ความรัก(kadih), คิดถึง (rindu)
       ตัวอย่างประโยค เช่น
           a. อาหมัดรักภรรยาของเขามาก (Ahmad amat kasih akan isterinya)
 
        คำคุณศัพท์อธิบายคุณลักษณะ (Kata adjektif Sifatan atau Keadaan)
             คำคุณศัพท์ที่ขยายคำนามเพื่ออธิบายความหมายคุณลักษณะ
        ตัวอย่างคำ เช่น
               ดี(baik), ฉลาด(cerdik), เลว(jahat), อ่อนแอ(lemah), อาย(malu), เก่ง(pandai)

         คำคุณศัพท์การวัด (Kata adjektif Ukuran)
               คำคุณศัพท์ที่สื่อถึงการวัด ธาตุ
         ตัวอย่างคำ เช่น
               ใหญ่(besar), เบ็ก (kecil), บาน(nipis) ยาว(panjang)
 
        คำคุณศัพท์สี (Kata adjektif warna)
              คำคุณศัพท์ที่สื่อถึงสี
        ตัวอย่างคำ เช่น
              ฟ้า(biru), เขียว(hijau),  เเดง(merah), เหลือง(kuning), ดำ(hitam), ขาว(putih)
   
        คำคุณศัพท์เวลา(Kata adjektif Waktu)
             คำคุณศัพท์ที่สื่อถึงเวลา
        ตัวอย่างคำ เช่น
             ก่อน(awal), ตอนนี้(kini), นาน(lama), อดีต(lampau)


อ้างอิง : เอกสารการสอน1 ไวยกรณ์มลายู 1




KATA TUGAS

KATA  TUGAS (ชนิดของคำ)


BAHASA MELAYU
ภาษามลายู (มลายูBahasa Melayu) เป็นภาษาหลักภาษาหนึ่งในตระกูลภาษาออสโตรนีเซียน มีสถานะเป็นภาษาราชการในบรูไนมาเลเซียสิงคโปร์ และอินโดนีเซีย มีผู้พูดประมาณ 200–250 ล้านคน (ณ ปี พ.ศ. 2552) โดยเป็นภาษาแม่ของผู้คนตลอดสองฟากช่องแคบมะละกา ซึ่งได้แก่ ชายฝั่งคาบสมุทรมลายูของมาเลเซียและชายฝั่งตะวันออกของเกาะสุมาตราของอินโดนีเซีย และได้รับการยอมรับเป็นภาษาแม่ในชายฝั่งตะวันตกของซาราวะก์และกาลีมันตันตะวันตกในเกาะบอร์เนียว นอกจากนี้ยังใช้เป็นภาษาการค้าในภาคใต้ของฟิลิปปินส์ ซึ่งได้แก่ ตอนใต้ของคาบสมุทรซัมบวงกากลุ่มเกาะซูลู และเมืองบาตาราซาและบาลาบัก (ซึ่งมีชาวมุสลิมอาศัยอยู่เป็นส่วนใหญ่) ทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ของเกาะปาลาวัน

 KATA TUGAS

Kata tugas(ชนิดของคำ)
   หมายถึงคำที่ปรากฏในประโยค อนุประโยคหรือวลีที่มีหน้าที่ที่แน่นอน
ชนิดของคำสามรถแบ่งออกเป็น 3 กลุ่มใหญ่ และ 14 ชนิดย่อ
  (1). คำเชื่อมประโยค (Kata penyambung ayat)
        a. คำเชื่อม (kata hubung)
 (2). คำที่ปรากฏหน้าอนุประโยค (Kata praklausa)
        a. คำอุทาน (kata seru)
        b. คำถาม(kata tanya )
        c. คำสั่ง (kata perintah)
        d. คำตอบรับ ( kata pembenar )
        e. คำที่ปรากฏต้นประโยค (kata pangkal ayat)
(3). คำวลี (Kata prafrasa )
       a. คำช่วย (kata bantu)
       b. ความถี่ (kata penguat)
       c. การเน้นย้ำ (kata penegas)
       d. การปฏิเสธ (kata nafi)
       e. Pemeri
       f. คำบุพบท (kata sendi nama)
       g. ทิศทาง (kata arah)
       h. จำนวนนับ (kata bilangan)



  (1). คำเชื่อมประโยค (Kata penyambung ayat)
         คำที่มีหน้าที่เชื่อมประโยค 2 ประโยค หรือ หลายประโยค (คำเชื่อม)
    1.1 คำเชื่อม (kata hubnh gabungan )
           คำเชื่อมที่ทำหน้าที่ดชื่อม 2  ประโยคกลายมาเป็นประโยครวม
    ตัวอย่าง เช่น
           หรือ (atau), และ (dan), ต่อมา (kemudian) , แต่ (tetapi)
   1.2 คำเชื่อมแทรก (kata hubung pancangan) แบ่งออกเป็น 3 ประเภท
         1.2.1 คำเชื่อมแทรกหรือคำประกอบ (kata hubung pancangan atau kata komplemen)
         ตัวอย่างคำ เช่น
             เพื่อ (untuk)
        1.2.2 คำเชื่อมแทรกหรือคำขยาย (kata hubung pancangan atau keterangan)
         ตัวอย่างคำ เช่น
             หวังว่า (agar), คาดว่า(andai),g จนกระทั่ง (hingga), หาก (kalau), ในขณะ (ketika)
        1.2.3 คำเชื่อมแทรกหรือคำที่ใช้เชื่อมประโยคย่อยกับประโยคหลัก (kata hubunh pancangan atau relatif)
        ตัวอย่างคำ เช่น
            ที่ (yang)
(2). คำที่ปรากฏหน้าอนุประโยค (Kata praklausa)

     a. คำอุทาน (kata seru)
       ตัวอย่างคำ เช่น
            Oh, wahai, eh, cis
    b. คำถาม (kata tanya ) คำที่ใช้ในการตั้งคำถาม เช่น" kah"
       ตัวอย่างคำ เช่น
            เท่าไหร่ (berapa ), เมื่อไหร่ (bila), อย่างไร(bagaimana ), ทำไม(mengapa )
    c. คำสั่ง (kata perintah) คำที่ทำหน้าที่ ห้าม , เชิญ, ขอร้อง, ความหวัง
       ตัวอย่างคำ เช่น
            อย่า (jangan), ขอร้อง (minta), หวังว่า (semoga), เชิญ(sila), กรุณา(tolong)
    d. การตอบรับ (kata pembenar) คำที่หน้าที่อธิบายเกี่ยวกับเรื่องราว
       ตัวอย่างคำ เช่น
            ถูกต้อง (betul), ใช่(sungguh)
   e. คำที่ปรากฏต้นประโยค (kata pangkal ayat)
       ตัวอย่างคำ เช่น
            สำหรับ (adapun), กาลครั้งหนึ่ง( alkisah), เมื่อ (arakian), แล้วก็ (maka)

(3). คำวลี (Kata prafrasa )
     a. คำช่วย(kata bantu) ใช้อธิบายกริยาวลี วิเศษวลี บุพบทวลี สามารถแบ่งออกเป็น 2 ชนิด คือ
 1. กริยาช่วยบ่งบอกถึงเวลา (kata bantu aspek) ทำหน้าชี้ถึงความแตกต่างของเวลา
    ตัวอย่าง เช่น      เคย(pernah), แล้ว (sudah)    = อดีต (masa lampau)
                              กำลัง (sedang)                      = ปัจจุบัน (masa kini)
                              ยัง(belum), จะ (akan )          = อนาคต (masa akan datang)
 2. กริยาช่วยบ่งบอกถึงความรู้สึก (kata bantu ragam)
    ตัวอย่างคำ เช่น
                ต้องการ (hendak) , สามารถ(dapat), ควรจะ(harus)
   

     b. คำบอกความถี่ (kata penguat) คำที่ทำหน้าที่เสริมความหมายในคำคุณศัพท์
สามารถแบ่งออกเป็น 3 ชนิด
            a.คำที่ปรากฏข้างหน้า (kata penguat hadapan)
     ตัวอย่างคำ เช่น  ค่อนข้าง (agak), เกินไป(terlalu)
     ตัวอย่างประโยค เช่น  
                        กล่องนั้นหนักเกินไป (kotok itu terlalu berat)
            b. คำที่ปรากฏหลังคำคุณศัพท์ (kata penguat belakang)
      ตัวอย่างคำ เช่น ถูกต้อง(benar), จัง/ครั้งเดียว(sekali)
      ตัวอย่างประโยค เช่น.
                         ทิวทัศน์ที่ทะเลสวยจัง (Pemandangan di pantai itu cantik sekali)
            c. คำที่ปรากฏข้างหน้า,ข้างหลัง ได้หมด (kata penguat bebas)
      ตัวอย่างคำ เช่น. มาก(amat), จริง(sungguh)
      ตัวอย่างประโยค เช่น
                          ภาพวาดนั้นสวยจริงๆ( Lukisan itu sungguh cantik)

     c. เน้นย้ำ (Kata penegas) คำที่ทำหน้าที่เน้นย้ำ เพื่อประโยค
           ตัวอย่างคำ เช่น -kah, -tah, -lah

     d.คำปฏิเสธ (Kata nafi) คำที่ทำหน้าที่ปฏิเสธใน คำนามวลี , กริยาวลี
        ตัวอย่างคำ เช่น. ไม่ใช่ (bukan/tidak)
    e. Kata pemeri อธิบายคำที่ปรากฏข้างหลัง หรือเพื่ออธิบายเพิ่มเติม
          ตัวอย่างคำ เช่น
           คือ (ialah ), ใช้หน้าคำนาม / คือ(adalah), ใช้หน้าคำคุณศัพท์, คำวิเศษ, คำบุพบท
     f. คำบุพบท (Kata sendi nama ) คำที่ปรากฏข้างหน้านาม
            ตัวอย่างคำ เช่น   จะ(akan), ระหว่าง (antara), สำหรับ(bagai), ใน(dalam), โดย(oleh), เกี่ยวกับ(tentang), เพื่อ (untuk)

      g . คำบอกทิศทาง( Kata arah) คำที่หน้าที่เพื่อชี้ทิศทาง
            ตัวอย่างคำ เช่น  ตะวัน(barat), ใต้(awah), ข้างหน้า(hadapan), มุม (penjuru)

      h. คำจำนวนนับ(Kata bilangan) คำที่ทำหน้าที่นับจำนวนนับที่แน่นอนและไม่แน่นอน
สามารถจำแนกออกเป็น 5 ประเภท
             a. จำนวนนับที่แน่นอน(kata bilangan tentu)
                  ตัวอย่างคำ เช่น.  หนึ่ง(satu), สอง(dua), สาม(tiga
             b. จำนวนนับที่ไม่แน่นอน( kata bilangan tak tentu)
                  ตัวอย่างคำ เช่น  ส่วนใหญ่ (para), ทั้งหมด(semua), ทั้งหลาย(seluruh)
             c. จำนวนนับรวม(katabilangan himpunan)
                ตัวอย่างคำ เช่น ทั้งสอง (kedua-dua)
             d. จำนวนนับที่แยก(kata bilangan pisahan)
                 ตัวอย่างคำ เช่น ทุกๆ(tiap-tiap), แตกต่าง(mading-masing)
            e. เศษส่วน(kata bilangan pecahan)
                ตัวอย่างคำ เช่น ครึ่ง(setengah), ส่วนหนึ่ง(sebahagian), เศษสองส่วนห้า (dua perlima)












วันพฤหัสบดีที่ 7 กันยายน พ.ศ. 2560

KATA KERJA


BAHASA MELAYU (Kata kerja)

ภาษามลายู (มลายูBahasa Melayu) เป็นภาษาหลักภาษาหนึ่งในตระกูลภาษาออสโตรนีเซียน มีสถานะเป็นภาษาราชการในบรูไนมาเลเซียสิงคโปร์ และอินโดนีเซีย มีผู้พูดประมาณ 200–250 ล้านคน (ณ ปี พ.ศ. 2552) โดยเป็นภาษาแม่ของผู้คนตลอดสองฟากช่องแคบมะละกา ซึ่งได้แก่ ชายฝั่งคาบสมุทรมลายูของมาเลเซียและชายฝั่งตะวันออกของเกาะสุมาตราของอินโดนีเซีย และได้รับการยอมรับเป็นภาษาแม่ในชายฝั่งตะวันตกของซาราวะก์และกาลีมันตันตะวันตกในเกาะบอร์เนียว นอกจากนี้ยังใช้เป็นภาษาการค้าในภาคใต้ของฟิลิปปินส์ ซึ่งได้แก่ ตอนใต้ของคาบสมุทรซัมบวงกากลุ่มเกาะซูลู และเมืองบาตาราซาและบาลาบัก (ซึ่งมีชาวมุสลิมอาศัยอยู่เป็นส่วนใหญ่) ทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ของเกาะปาลาวัน

คำกริยา (KATA KERJA )

    คำกริยา (kata kerja)  หมายถึง  คำที่แสดงอาการ สภาพ หรือการกระทำของคำนาม และคำสรรพนามในประโยค คำกริยาบางคำอาจมีความหมายสมบูรณ์ในตัวเอง บางคำต้องมีคำอื่นมาประกอบ และบางคำต้องไปประกอบคำอื่นเพื่อขยายความ

    คำกริยาสามารถจำแนกได้ออกเป็น 2 ประเภท
1.สกรรมกริยา (kata kerja transitif)
   คำกริยาที่บอกใจความยังไม่สมบูรณ์ ต้องมีกรรมมารองรับ เพื่อให้ความหมายประโยคสมบูรณ์. ทุกๆประโยคต้องมีประธาน(objek) และคำกริยาจะใช้คำเติมหน้า (imbuhan awalan )

  ตัวอย่างประโยค เช่น
                               แมวนั้นไล่จับนก (Kucing itu menangkap seekor burung)
                               ผู้หญิงคนนั้นขายผัก (Perempuan itu menjual sayur )
                               พ่อกำลังเขียนจดหมาย (Ibu sedang menulis surat )

คำกริยาที่ต้องการกรรมสามารถปรากฏในประธานที่เป็นผู้กระทำ (aktif) และ ผู้ถูกกระทำ (pasif).  ตัวอย่าเช่น  memandu, makan และ mencuri คือรูปแบบในผู้กระทำ (aktif)  ที่ต้องเติม imbuhan awalan "men" หรือ มีคำเติมหน้า-หลัง "kan" และ "i"

ประโยค pasif ผลจากการปริวรรตจากประโยค aktif ที่มีเครื่องหมายข้างหน้า "di" และ "oleh "
ตัวอย่างเช่น เช่น 
                         Bihun goreng itu Kamal makan  (aktif)
                         Bihun goreng itu dimakan oleh Kamal (pasif)

2. อกรรมกริยา (Kata kerja tak transitif )
    คำกริยาที่ไม่ต้องการกรรม มีผลต่อตนเอง 
อกรรมกริยาสามารถแบ่งออกเป็น 2 ประเภท 
   1. คำกริยาที่ไม่ต้องการส่วนเติมเต็ม (Kata kerja tak transitif tanpa pelengkap )
       คำกริยาที่สามารถอยู่ได้ด้วยตัวของมันเอง โดนไม่มีประธาน (objek)
       ตัวอย่างประโยค เช่น
                Aminah kelihatan tercengang  (อามีเนาะมองด้วยความแปลกใจ)
  2.  คำกริยาที่ต้องการส่วนเติมเต็ม (Kata kerja tak transitif berpelengkap)
       ตัวอย่างประโยค เช่น 
                Ali tinggal di Patani (อาลีอาศัยอยู่ที่ปัตตานี) 




อ้างอิง  :http://www.pingming.edu.my/malay/kata_kerja.html
             เอกสารคำสอนMalay Grammar 1